
รอบบริเวณเขื่อนเป็นแหล่งพักผ่อนและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดด้วย นอกจากนั้นทางเขื่อนภูมิพลได้จัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสองฝั่งลำน้ำปิงเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ตื่นเป็นเส้นทางศึกษาสภาพความหลากหลายของพื้นที่ป่าดิบเขา และการฟื้นฟูสภาพป่าตลอดจนการศึกษาลักษณะสภาพป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ความหลากหลายทางระบบนิเวศน์เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ประวัติความเป็นมา
เขื่อนภูมิพลเริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 โดยใช้ชื่อว่า "เขื่อนยันฮี" ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระปรมาภิไธยให้ใช้เป็นชื่อเขื่อนแทนชื่อเดิมว่า "เขื่อนภูมิพล" และทรงเสด็จพระราชดำเนินเพื่อประกอบพิธีเปิดเขื่อน เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2507
สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเขื่อนมีดังนี้
- สวนเฉลิมพระเกียรติ์ ตั้งอยู่บริเวณเขื่อนตอนล่าง สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2539 บนพื้นที่ 16 ไร่ ภายในสวนประกอบด้วยต้นราชพฤกษ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ นอกจากนั้นยังมีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดเน้นไปทางสีเหลืองและมีจุดเด่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนนี้ คือ การจัดสวนไม้ประดับเป็นรูปพระนามาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง

- สวนน้ำพระทัย ตั้งอยู่ซ้ายมือบนเส้นทางเข้าชมเขื่อนเลยจากที่ทำการเขื่อนฯ ไม่มากนัก ตรงข้ามกับบริเวณร้านอาหารและบ้านพักพนักงาน สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 มีเนื้อที่ประมาณ 16 ไร่ ภายในสวนจัดเป็นลำธารน้ำผุด ไหลลดหลั่นผ่านฝายน้ำล้น 5 ฝาย ฝายสุดท้ายมีน้ำพุรูปดอกเห็ดจำนวน 9 ดอก มีแท่นจารึกพระราชปณิธาน อดทน อดกลั้น อดออม รอบสระน้ำพุ เป็นลานปูกระเบื้องดินเผา ประดิษฐานประติมากรรมสัมฤทธิ์แทนพระองค์ มีลักษณะเป็นเสาแกนกลางเป็นแท่งกลม มัดรวม 9 ท่อน แกนกลางคล้องด้วยห่วง 5 ห่วง แต่ละห่วงประกอบด้วยโลหะเส้นกลมห่วงละ 12 เส้น นับรวมแล้ว 60 เส้น ด้านบนสุดเป็นทรงกลมผิวเรียบจำหลักพระปรมาภิไธยย่อเป็นจุดสูงสุด นอกจากนี้ยังมีธารน้ำพุ ซุ้มน้ำต้นและซุ้มกล้วยไม้พันธุ์พื้นเมือง ซึ่งพันธุ์ไม้ที่ปลูกเน้นสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำพระองค์


- องค์พระสุริยเทพและหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ตั้งอยู่ ณ ยอดเขาบนสันเขื่อน
- การล่องเรือหรือล่องแพ เพื่อชมเกาะต่างๆ อาทิเช่น เกาะวาเลนไทน์ เกาะเขาหนาม ดอยเต่า เป็นต้น ซึ่งบางเกาะสามารถตกปลาได้

พระพุทธบาทที่วัดดอยเขาหนาม ตั้งอยู่บนยอดดอยเขาหนาม ซึ่งเป็นเกาะกลางน้ำอยู่ห่างจากหน้าเขื่อนประมาณ 6 กม. มีบันไดคอนกรีตขึ้นไปบนยอดดอย ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทและศาลาประดิษฐานองค์พระประธาน เมื่อขึ้นไปถึงจะมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบแม่ปิงและเกาะต่างๆ เป็นมุมกว้าง


เกาะวาเลนไทน์ เดิมคือเกาะดอยลานเนื่องจากมีต้นลานขึ้นเป็นจำนวนมาก เมื่อถูกน้ำท่วมก็ตายลงเหลือให้เห็นเพียงประปรายเท่านั้น ที่เรียกว่าเกาะวาเลนไทน์เนื่องจากเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวครั้งแรกในวันวาเลนไทน์พอดี นักท่องเที่ยวนิยมไปพักแรมเพราะเป็นมุมสงบหลบลม มีหาดทรายให้เล่นน้ำได้ อยู่ห่างจากสันเขื่อนประมาณ 20 กม. 


ดอยพ่อหลวง เป็นภูเขาสูงชัน มีลักษณะเป็นแหลมยื่นกั้นระหว่างอ่างเก็บน้ำอ่าง 1 กับอ่าง 2 ดอยพ่อหลวงเป็นที่นับถือของคนทั่วไป เมื่อผ่านบริเวณนี้จะต้องไหว้แสดงความเคารพและนิยมถวายน้ำผลไม้ เนื่องจากพ่อหลวงไม่ชอบสุรา เมื่อเข้าไปใกล้จะเห็นถ้ำขนาดใหญ่บริเวณหน้าผาทั้งสามด้าน ปากถ้ำหน้าผาด้านเหนือเรียกว่า "ประตูเชียงใหม่" ด้านใต้เรียกว่า "ประตูสยาม" และด้านตะวันตกเรียกว่า "ประตูอังวะ" ซึ่งดอยพ่อหลวงนี้จะเป็นเพียงจุดผ่านของแพเท่านั้น จึงไม่มีการแวะชม

เขาคันเบ็ด มีลักษณะเป็นแท่งหินขนาดใหญ่คล้ายจอมปลวก ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบแม่ปิง เป็นทางผ่านเช่นเดียวกับดอยพ่อหลวง มีนิทานพื้นบ้านเล่าว่าน้ำปิงบริเวณเขาคันเบ็ดมีปลาเทโพชุมมาก จึงมีชายหนุ่มมานั่งตกปลาและมีปลาเทโพยักษ์ติดเบ็ด จึงเกิดการเย่อคันเบ็ดอย่างรุนแรงระหว่างคนกับปลา ทำให้คนเบ็ดหักกลายเป็นเขาคันเบ็ด ส่วนปลากระเด็นไปติดผาหินเรียกว่า "ผาเต๊าะ" (เต๊าะคือชื่อท้องถิ่นของปลาเทโพ) ส่วนปลายคันเบ็ดอีกข้างหนึ่งกระเด็นไปตกเป็นเขาคันเบ็ดน้อยในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
ถ้ำโยคี เป็นถ้ำที่ถูกปิดมานาน เพิ่งค้นพบปากถ้ำเมื่อไม่นานมานี้ มีเรื่องเล่าว่าเคยมีฤาษีมาอาศัยอยู่บริเวณนี้ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม จากการสำรวจได้พบรอยพระพุทธบาทเล็กอยู่ด้านบนเหนือถ้ำ จึงได้สร้างวิหารน้อยครอบไว้ มีระยะทางห่างจากเขื่อนประมาณ 25 กิโลเมตร

ถ้ำช้างร้อง อยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาห่างไกลผู้คน ไม่มีทางสัญจรด้วยรถต้องมาทางน้ำด้วยเรือเท่านั้น เป็นสถานที่เงียบสงัด วิเวก ลี้ลับมาก และมีกายทิพย์ เช่น ภุมเทวดาปรากฏให้พระที่ไปภาวนากรรมฐานเห็นอยู่บ่อยๆ เชื่อกันว่าเคยเป็นที่ประทับแรมของพระนางจามเทวีวงศ์ เมื่อครั้งที่ล่องแม่น้ำปิงผ่านเมืองตากไปสู่หริภุญไชย (ลำพูน) บริเวณนี้เคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าตากสินด้วย มีลักษณะเป็นถ้ำตื้นๆ ไม่ใหญ่นักเป็นที่ประดิษฐานศาลเจ้าแม่จามเทวีวงศ์ พระพุทธรูป และที่ตั้งของศาลาไม้ทรงไทยภาคเหนือ รวมทั้งมีหินงอกหินย้อยมากมาย เป็นที่นิยมจอดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ บางเรือมีบานาน่าโบ้ตให้เล่นแถวนี้

ผาอาบนาง เป็นเกาะหนึ่งในเขื่อนซึ่งมีตำนานกล่าวขานกันเกี่ยวกับการเสด็จทางชลมารคของพระนางจามเทวีวง
ศ์เพื่อเสด็จไปยังเมืองหริภุญไชย (ลำพูน) คือ เมื่อพระนางเสด็จผ่านมายังบริเวณนี้มีพระพี่เลี้ยงคนหนึ่งป่วยและเสียชีวิต แล้วเมื่อพระนางปรารถนาจะสรงน้ำ สระพระเกศา แต่น้ำที่มีอยู่ในบริเวณนั้นไม่สะอาด พระนางจึงตั้งจิตอธิษฐาน หากตนมีบุญญาธิการเพียงพอที่จะช่วยทำนุบำรุง ฟื้นฟูเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไปแล้ว ขอเทวอารักษ์โปรดประทานน้ำบริสุทธิ์สะอาดลงมาจากเบื้องบนเถิด เมื่อสิ้นคำอธิษฐานก็มีสายน้ำไหลเย็นตกลงมาจากภูผาเบื้องบนให้พระนางได้สรงสมความปรารถนา หน้าผาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า "ผาอาบนาง" และแก่งบริเวณนี้จึงได้ถูกเรียกว่า แก่งอาบนางมาจนถึงปัจจุบัน ลำน้ำปิงที่พระนางทรงเสด็จนี้เมื่อประมาณ1,350 ปีก่อน เป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวผ่านแก่งหินใต้ป่าใหญ่ในหุบเหวลึก แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่งดงามและโรแมนติกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

วัดพระธาตุแก่งสร้อย ตั้งอยู่บนเกาะภายในเขื่อน ห่างจากตัวเขื่อนประมาณ 55-70 กิโลเมตร วัดนี้ได้มีการบูรณะหลายครั้ง พระธาตุเจดีย์สีทองเป็นพระธาตุที่ได้รับการบูรณะใหม่ครอบองค์เจดีย์เก่าที่หักพังไปเหลือเพียงครึ่งองค์ กรมศิลปากรสันนิษฐานว่าบริเวณนี้น่าจะเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของแคว้นหริภุญไชย

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น